ทะเบียนวิจัย | 64 65 01 07 020202 102 01 23 |
ชื่อโครงการวิจัย | ประยุกต์ใช้โปรแกรมแบบจำลองการปลูกพืชเพื่อประเมินช่วงเวลาการปลูกที่เหมาะสมสำหรับพืชหลังนา |
Application of crop modeling for evaluation crop planting date after rice harvest | |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวปรารถนา ปลอดดี |
ผู้ร่วมดำเนินการ | นางสาวกรรณิการ์ หอมยามเย็น นายชาญณรงค์ เขตแดน นางสาวนิรมล เกษณา นางสาวกชกร กานตารัมภ์ นางมลสิกานต์ ทัศวิล นายโกศล เคนทะ |
บทคัดย่อ |
การศึกษาการประยุกต์ใช้โปรแกรมแบบจำลองการปลูกพืชเพื่อประเมินช่วงเวลาการปลูกและการให้น้ำที่เหมาะสมสำหรับพืชหลังนา จากการวิเคราะห์สภาพสมดุลน้ำของข้อมูลสภาพภูมิอากาศรายเดือนเฉลี่ย 10 ปี (พ.ศ. 2554-2563) พบว่า ช่วงเวลาการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา ควรปลูกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมเป็นช่วงที่มีความเหมาะสมและทันเวลาเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก่อนฤดูทำนาในรอบถัดไป และไม่ควรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังเดือนธันวาคมเพราะจะทำให้ระยะออกดอกตรงกับช่วงอุณหภูมิสูง อาจทำให้ช่อดอกและไหมแห้ง ผสมไม่ติด ส่งผลให้เมล็ดไม่เต็มฝัก โดยศึกษาการให้น้ำที่เหมาะสมสำหรับพืชหลังนาในกลุ่มเนื้อดิน 3 ประเภท ได้แก่ 1) กลุ่มดินเหนียว 2) กลุ่มดินร่วนละเอียด และ 3) กลุ่มดินร่วนหยาบ โดยกำหนดการให้น้ำ 4 รูปแบบ ได้แก่ 1) การให้น้ำตามวิธีของเกษตรกร (ให้น้ำเมื่อค่าวิกฤตของน้ำที่พร่องไป 50%) 2) ให้น้ำเมื่อค่าวิกฤตของน้ำที่พร่องไป 35% 3) ให้น้ำเมื่อค่าวิกฤตของน้ำที่พร่องไป 40% และ 4) ให้น้ำเมื่อค่าวิกฤตของน้ำที่พร่องไป 45% จากค่าความชื้นที่เป็นประโยชน์ในดินเริ่มต้น ผลการศึกษา พบว่า ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในกลุ่มเนื้อดิน 3 ประเภท และการให้น้ำทั้ง 4 รูปแบบ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ อย่างไรก็ตาม การให้น้ำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาจำนวนน้อยครั้งที่สุด คือ จำนวน 4 ครั้งต่อฤดูการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาจะทำให้ลดต้นทุนในการให้น้ำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาได้ |
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแนวโน้มของผลผลิตตามกลุ่มเนื้อดิน พบว่า กลุ่มดินเหนียว จำนวนการให้น้ำที่เหมาะสม 4 ครั้งต่อฤดูกาลผลิต ด้วยวิธีการให้น้ำของเกษตรกร (ให้น้ำเมื่อค่าวิกฤตของน้ำที่พร่องไป 50%) มีผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงสุด (1,386 กิโลกรัมต่อไร่) กลุ่มดินร่วนละเอียด จำนวนการให้น้ำที่เหมาะสม 6 ครั้งต่อฤดูกาลผลิต (ให้น้ำเมื่อค่าวิกฤตของน้ำที่พร่องไป 45%) มีผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงสุด (1,007 กิโลกรัมต่อไร่) ส่วนกลุ่มดินร่วนหยาบ จำนวนการให้น้ำที่เหมาะสม 8 ครั้งต่อฤดูกาลผลิต (ให้น้ำเมื่อค่าวิกฤตของน้ำที่พร่องไป 40%) มีผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงสุด (1,502 กิโลกรัมต่อไร่) และเมื่อพิจารณาถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ พบว่า กลุ่มดินร่วนหยาบให้น้ำ 8 ครั้งต่อฤดูกาลผลิต มีกำไรสุทธิสูงที่สุด 7,526 บาทต่อไร่ รองลงมา ได้แก่ กลุ่มดินเหนียวให้น้ำ 4 ครั้งต่อฤดูกาลผลิต มีกำไรสุทธิ 6,956 บาทต่อไร่ และกลุ่มดินร่วนละเอียด คือ ให้น้ำ 6 ครั้งต่อฤดูกาลผลิต มีกำไรสุทธิ 3,893 บาทต่อไร่ |
ดูฉบับเต็มคลิกที่นี่ |