ปัญหาในการใช้ประโยชน์ที่ดิน : เนื้อดินค่อนข้างเป็นทราย ฤดูฝนขังน้ำนาน 2 - 3 เดือน ส่วนใหญ่ในฤดูฝนใช้ทำนาแต่มักจะขาดแคลนน้ำได้ บริเวณที่มีแหล่งน้ำสามารถปลูกพืชผักได้

ความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช : กลุ่มชุดดินที่ 21 มีศักยภาพเหมาะสมในการทำนาในช่วงฤดูฝนและเหมาะสมในการปลูกพืชไร่และพืชผักอายุสั้นในช่วงฤดูแล้ง และเกษตรกรได้ปฏิบัติอยู่แล้วเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินสำหรับการปลูกพืชต่าง ๆ ที่กล่าวไม่ค่อยมี ข้าวที่ปลูกอาจถูกน้ำท่วมในบางที่ และบางพื้นที่ที่ไม่มีการชลประทานจะขาดแคลนน้ำเพาะปลูกข้าวในช่วงฤดูแล้ง

ปลูกข้าวหลังทำนา ข้าว พันธุ์ที่แนะนำ ข้าวที่ไวต่อช่วงแสง ได้แก่
ขาวปากหม้อ ขาวตาแห้ง 17 เก้ารวง เหลืองปะทิว 123 น้ำสะกุ่ย 19 ขาวดอกมะลิ 105 นางมล เอส-4
ปทุมธานี 60 ข้าวที่ไม่ไวต่อช่วงแสง ได้แก่ กข.1-7 กข.9 กข.10 กข.11 กข.21 กข.25 สุพรรณบุรี 60 สุพรรรณบุรี70 พิษณุโลก 60-2

ปัญหาดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำและเนื้อดินค่อนข้างเป็นทราย ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ได้แก่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักอัตรา 1.5-2.0 ตัน/ไร่ ใส่ในระยะเตรียมดิน หรือปลูกพืชตระกูลถั่ว เช่น โสนอัฟริกัน ฯลฯ เป็นปุ๋ยพืชสด แล้วไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสด ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 35 กก./ไร่ หรือสูตร 16-16-8 อัตรา 25-30 กก./ไร่ หรือสูตร18-12-6 อัตรา 25-35 กก./ไร่ ใส่ระยะปักดำหรือก่อนปลูกและใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟตหรือแอมโมเนียมคลอไรด์ อัตรา 20-30 กก./ไร่ หรือปุ๋ยยูเรีย อัตรา 10-15 กก./ไร่ เป็นการใส่ปุ๋ยครั้งที่สอง เมื่อข้าวประมาณ 35-50 วันหลังปักดำ

ปลูกพืชไร่ ปัญหาการระบายน้ำของดินค่อนข้างเลวในบางพื้นที่ และน้ำท่วมขังในฤดูฝน การเตรียมพื้นที่ปลูก ในกรณีปลูกพืชไร่ในช่วงฤดูแล้งหลังการเก็บเกี่ยวข้าว และกรณีเปลี่ยนสภาพการใช้ที่ดินจากนาข้าวเป็นพืชไร่อย่างถาวร ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับกลุ่มชุดดินที่ 1 ปัญหาเนื้อดินค่อนข้างเป็นทรายในบางพื้นที่ แก้ไขโดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก อัตรา 1-2 ตัน/ไร่

ปัญหาดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เช่น พืชตระกูลถั่ว (ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง) ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 12-24-12 หรือ 8-24-24 อัตรา 20-30 กก./ไร่ หรือสูตร 10-20-10 อัตรา 25-35 กก./ไร่ ใส่หลังปลูก 20-25 วัน โดยใส่รองก้นหลุมหรือโรยสองข้างแถวปลูกแล้วพรวนดินกลบ

ข้าวโพดและข้าวฟ่าง ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 อัตรา 30-40 กก./ไร่ ใส่ร่วมกับปุ๋ยสูตร 21-0-0 อัตรา 20-25 กก./ไร่ หรือสูตร 46-0-0 อัตรา 10-15 กก./ไร่ ใส่ตอนปลูกและหลังปลูก 20-25 วัน โดยใส่รองก้นหลุมและโรยสองข้าง แถวปลูกแล้วพรวนดินกลบ

ฝ้าย ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 14-14-14 หรือ 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 35-45 กก./ไร่ ใส่ตอนปลูกและหลังปลูกแบ่งครึ่ง ครั้งแรกรองก้นหลุมปลูกครั้งที่สองโรยข้างแถวแล้วพรวนดินกลบ

ปลูกไม้ผลและไม้ยืนต้น ปัญหาน้ำท่วมขังในฤดูฝนและดินระบายน้ำค่อนข้างเลว ในกรณีเปลี่ยนสภาพการใช้ที่ดินจากนาข้าวเป็นที่ปลูกไม้ผลถาวร ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับกลุ่มชุดดิน ที่ 1

ปัญหาดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ เช่น มะม่วง พันธุ์ที่แนะนำได้แก่เขียวเสวย หนองแซง ทองดำ ฟ้าลั่น น้ำดอกไม้ หนังกลางวัน ใส่ปุ๋ยเคมีอัตราครึ่งหนึ่งของจำนวนอายุ เช่น มะม่วงอายุ 10 ปี ใส่ปุ๋ยจำนวน 5 กก./ต้น/ปี แบ่งใส่ 3 ครั้งคือ 1 ใน 3 ส่วนใช้ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ใส่ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ครั้งที่สองใส่อีก 1 ใน 3 ส่วน ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ใส่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฏาคม และปุ๋ยที่เหลือ 1 ใน 3 ส่วน ใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 หรือ 8-24-24 ใส่ในช่วงเดือนกันยายน -ตุลาคม

มะละกอ พันธุ์ที่แนะนำได้แก่ โกโก้ แขกดำ จำปาดะ สายน้ำผึ้ง ฮาวาย มาเลเซีย ควรใส่ปุ๋ยสูตร 14-12-12 หรือ 20-15-15 อัตรา 1 กก./ต้น ระยะต้นอ่อนถึงก่อนออกดอก หลังจาก 1 ปี ขึ้นไปใส่ประมาณ 1-1.5 กก./ต้น

กล้วยหอม พันธุ์ที่แนะนำได้แก่ กล้วยหอมทอง ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเมื่ออายุ 1 สัปดาห์ 1 เดือน และ 2 เดือน ครั้งละประมาณ 5กก./ต้น ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 1 กก. /ต้น แบ่งใส่ 2 ครั้ง เมื่ออายุ 3 เดือนและ 5 เดือน