กลุ่มชุดดินที่ 12

วิธีการใช้เอกสารการจัดการดิน ให้ตรวจสอบว่า พื้นที่ของท่านอยู่ในกลุ่มชุดใด จากแผนที่กลุ่มชุดดิน (62 กลุ่มชุดดิน) หรือรายงานแผนที่ความเหมาะสมของดินกับพืชเศรษฐกิจเบื้องต้นของจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน (มาตราส่วน 1:50,000) เมื่อทราบแล้วจึงเลือกใช้เอกสารการจัดการดินตามกลุ่มชุดดินที่ต้องการ

ลักษณะโดยทั่วไป : เนื้อดินเป็นดินเหนียวหรือดินร่วนเหนียวปนทรายแป้ง แต่มีลักษณะเป็นดินเลน ดินบนมีสีดำปนเทา มีจุดประสีน้ำตาลเล็กน้อย ส่วนดินล่างเป็นดินเลนสีเทาแก่ หรือสีเทาปนเขียว พบบริเวณที่ราบน้ำทะเลท่วมถึง และบริเวณชะวากทะเลเป็นดินลึก มีการระบายน้ำเลวมาก มีความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นดินเค็มจัด ปฏิกิริยาดินเป็นกลางถึงเป็นกรดปานกลาง pH7.0-8.0 ได้แก่ ชุดดินท่าจีน ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวมีลักษณะป่าชายแลน มีทั้งเป็นป่าเสื่อมโทรม และป่าสมบูรณ์บางแห่งเปลี่ยนสภาพมาเป็นบ่อเลี้ยงปลากะพง เลี้ยงกุ้ง หรือทำนาเกลือ

ปัญหาในการใช้ประโยชน์ที่ดิน : ดินเลนเค็มจัด มีโครงสร้างเลวไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร น้ำทะเลท่วมถึง

ความเหมาะสมสำหรับปลูกพืช : กลุ่มชุดดินที่ 12 เกิดจากการทับถมของตะกอนลำน้ำทะเล มีลักษณะเนื้อดินเป็นดินเหนียวและเป็นดินเลน ที่มีเกลือสะสมอยู่สูงมาก พบบริเวณชายฝั่งทะเล ในปัจจุบันน้ำทะเลท่วมถึงเป็นประจำ เป็นกลุ่มชุดดินที่มีศักยภาพไม่เหมาะสมในการเพาะปลูกพืช แต่มีศักยภาพเหมาะที่จะใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง หรือใช้ในการทำนาเกลือ และรักษาไว้เป็นป่าชายเลน

การจัดการกลุ่มชุดดินที่ 12

ปลูกข้าวหรือทำนา ปัญหาดินเค็มจัด เนื่องจากน้ำทะเลท่วมถึง ทำคันดินรอบพื้นที่ปลูกพร้อมมีประตูปิดเปิดเพื่อป้องกันน้ำทะเลเข้าท่วมขังและระบายน้ำเค็มออก ทำร่องระบายน้ำรอบพื้นที่และภายในพื้นที่เพื่อช่วยลดระดับน้ำใต้ดินและช่วยเร่งการชะล้างเกลือออกจากดิน ทำการชะล้างเกลือออกจากดินด้วยน้ำชลประทานหรือน้ำฝน ตรวจระดับความเค็มของดินให้อยู่ในระดับที่ข้าวสามารถทนทานได้และให้เลือกพันธุ์ข้าวทนเค็มมาปลูก ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ได้แก่ ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อัตรา 2-3 ตัน/ไร่

การใช้ปุ๋ยเคมี การใส่ปุ๋ยข้าวนาปี ใช้สูตร 16-20-0 เพียงอย่างเดียว อัตรา 120-150 กก./ไร่ แบ่งใส่สองครั้งเท่า ๆ กัน ส่วนที่หนึ่งใส่ระยะปักดำและส่วนที่สองให้ใส่หลังครั้งแรก 30 วัน หรือระยะที่กำเนิดช่อดอกหรือใส่ปุ๋ย 16-20-0 อัตรา 30 กก./ไร่ โดยใส่ร่วมกับแอมโมเนียมซัลเฟต อัตรา 75-95 กก./ไร่ หรือยูเรีย อัตรา 35-45 กก./ไร่ การใส่ให้แบ่งปุ๋ยร่วมออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกใส่ร่วมกับปุ๋ยสูตร 16-20-0 ระยะปักดำ ส่วนที่สองใส่หลังครั้งแรก 30 วัน หรือระยะข้าวตั้งรวง การใส่ปุ๋ยข้าวนาปรัง ใช้ปุ๋ยสูตร 16-20-0 อย่างเดียว อัตรา 85-100 กก./ไร่ หรืออัตรา 30 กก./ไร่ ใส่ร่วมกับปุ๋ยอื่น ได้แอมโมเนียมซัลเฟต อัตรา 45-60 กก./ไร่ หรือยูเรียอัตรา 20-25 กก./ไร่ วิธีการใส่ให้ใส่เช่นเดียวกับการปลูกข้าวนาปีที่ได้กล่าวมาแล้ว

มะพร้าว ปลูกไม้ผลมีปัญหาน้ำทะเลเข้าท่วมถึงทำคันรอบพื้นที่ปลูกพร้อมมีประตูปิด-เปิด เพื่อป้องกันน้ำทะเลเข้าท่วมถึงและช่วยในการระบายน้ำเค็มออก

ปัญหาการระบายน้ำของดินเลวมาก ยกร่องปลูกมีขนาดกว้าง
6 - 8 เมตร และมีร่องระบายน้ำเค็มอยู่ระหว่างร่องปลูก กว้าง 1.5-2.0 เมตร ขุดให้ต่อเนื่องกับร่องรอบพื้นที่ปลูก

ปัญหาดินเค็มจัด ปรับปรุงดินบนสันร่องให้ร่วนซุย โดยการใส่
ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก หรือวัสดุปรับปรุงดินอย่างอื่น อัตรา 2-3 ตัน/ไร่ หว่านให้ทั่วสันร่องเสร็จแล้วใช้จอบสับให้คลุกเคล้ากับดิน ตากดินให้แห้ง เวลาฝนตกลงมาจะช่วยเร่งให้เกลือถูกชะล้างออกไป ทำติดต่อกัน 2-3 ปี ก่อนที่จะปลูกมะพร้าว

ความอุดมสมบูรณ์แก้ไขโดยการใช้ปุ๋ยทั้งปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี
1) การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ได้แก่ ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก อัตรา 15-20 กก./ต้น/ปี 2) การใส่ปุ๋ยเคมีควรปฏิบัติ
ดังนี้ มะพร้าว อายุ 1-5 ปี ใส่ปุ๋ยสองครั้งในช่วงต้นและปลายฤดูฝน ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตรา 1.0 กก./ต้น x อายุปี ร่วมกับปุ๋ยสูตร 0-0-6 อัตรา 0.5 กก./ต้น x อายุปี มะพร้าวอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ใส่ปีละสองครั้ง เช่นเดียวกัน ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือสูตร 16-16-16 อัตรา 6 กก./ต้น x อายุปี ร่วมกับปุ๋ยสูตร 0-0-6 อัตรา 0.5 กก./ต้น x อายุปี